หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556



สไตล์ทรงผม

    


การเลือกทรงผม เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้เราดูดีได้




 ทรงผมสั้น

 สาว ๆ ที่กำลังมองหา ทรงผมสั้น ที่เหมาะกับตัวเองอยู่ เรามีเคล็ดลับการเลือกตัด ทรงผมสั้น ให้เข้ากับรูปหน้ามาฝาก.....


          หากคุณเป็นสาวหน้ากลม ทรงผมสั้น ที่คุณสามารถตัดได้คือ ผมสั้นแค่ระดับแนวขากรรไกร ไม่ควรตัดให้สั้นกว่านั้น เพราะจะยิ่งเน้นความกลมของใบหน้าให้เด่นชัด ส่วนจะตัดบ๊อบหรือสไลด์ก็ได้แล้วแต่ความชอบ




           สาวที่มีใบหน้ายาว ทรงผมสั้น ที่เหมาะกับรูปหน้าคือ ผมซอยด้านหน้าเป็นเลเยอร์หรือไล่ระดับถึงบริเวณคาง ผมบ๊อบซอยไล่ระดับก็เป็นอีกทรงที่เหมาะกับคนหน้ายาวทั้งหลาย เพราะจะช่วยทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบขึ้น 




             ส่วนสาวหน้าเหลี่ยม ทรงผมสั้น ที่เหมาะกับรูปหน้าคุณคือ ผมที่ตัดซอยไม่สั้นมาก ความยาวระดับไหล่ เป็นทรงที่เหมาะมากที่สุด ซึ่งจะช่วยอำพรางรูปหน้าให้เรียวขึ้น คุณไม่ควรตัดผมหน้าม้า หรือดัดผมเป็นลอนเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเน้นบริเวณกรามให้ดูเหลี่ยมไปกันใหญ่





               สาวที่มีใบหน้ารูปหัวใจ ทรงผมสั้น ที่เหมาะกับรูปหน้าคุณคือ ผมบ๊อบสั้นประมาณบ่า และให้ตัดผมหน้าม้า เพื่ออำพรางบริเวณหน้าผากและแก้มที่กว้าง




                สำหรับสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ ซึ่งเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ คุณสามารถตัด ทรงผมสั้น ทรงไหนก็ได้...


ทรงผมยาว

  นับได้ว่าแบบทรงผมยาวเป็นทรงผมยอดนิยมของบรรดาสาวๆ กันเลยก็ว่าได้  เราจึงขอเอาใจสาวๆทุกคนที่ชื่นชอบการไว้ผมยาวด้วยแบบทรงผมยาวมากมาย มาให้ได้ดูกัน




                    





                               
          




                          


                                
 
5 สาเหตุหลักของผมเสียที่สาวยุคใหม่ในตอนนี้ต้องประสบกันมากที่สุดกันเถอะ
 
1. ยืดผมและดัดผม

      การยืดและดัดผมเป็นการทำให้พันธะเคมีของเส้นผมเปลี่ยนแปลง ส่วนหนึ่งถูกทำลายในขณะส่วนที่เหลือจัดเรียงตัวใหม่ อย่างไรก็ดีปัญหามักไม่รุนแรงนักในการดัดหรือยืดครั้งแรก และจะเริ่มแสดงอาการเด่นชัดในการยืดหรือดัดเพิ่มในภายหลัง

      วิธีดูแลและบำรุงได้ดีที่สุด ก็คือการใช้คอนดิชันเนอร์ทุกวัน มาส์กผมเพื่อบำรุงอย่างล้ำลึกอีกอาทิตย์ละครั้ง เลี่ยงการแต่งผมด้วยอุปกรณ์ที่ให้ความร้อน และหมั่นเล็มปลายผมทิ้งบ้างเพื่อไม่ให้ส่วนปลายผมที่เสียไปแล้วแสดงอาการแห้งชี้และกรอบเสียจนน่าเกลียดค่ะ
 
2. การกัดสีและทำสีผม

       การกัดสีและทำสีผมสามารถแทรกซึมทำร้ายได้ถึงชั้นคอร์เท็กซ์ (cortex) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อผม เพราะโปรตีนในเส้นผมถูกทำลายเนื่องจากสารเคมีในน้ำยาทำสี ที่กัดให้เกล็ดผมเปิดออกและแทรกซึมลงไป เพื่อทำให้เส้นผมสีอ่อนลงและเปลี่ยนเป็นสีใหม่ได้ตามต้องการ ที่ซ้ำร้ายก็คือผมที่เกล็ดผมทำให้ถูกเปิดออก ไม่สามารถปิดกลับหรือรักษาตัวเองได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการบำรุงดูแลอย่างถูกต้องเท่านั้น ผลิตภัณฑ์สีผมจึงมักให้ทรีทเม้นท์เข้มข้นควบคู่มาในกล่องด้วยทุกครั้ง

       คุณสามารถซ่อมแซมผมที่เสียจากการทำสีได้ด้วยการเน้นการบำรุงด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ครีมบำรุงที่มีโปรตีนเคราติน และกรดอะมิโน ซึ่งจะแทรกซึมเข้าสู่ชั้นคอร์เท็กซ์และช่วยเคลือบปิดเกล็ดผมได้
 
3. ถูกทำลายจากความร้อนของไดร์เป่าผม

เรื่องที่ผู้หญิงทำอยู่แทบทุกวันอย่างการไดร์และเซตทรงผม ค่อย ๆ ทำร้ายผมลงได้ทุกวัน เพราะความร้อนที่สูงเกินไป ทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและแห้งกรอบ ลองเปรียบเส้นผมเสมือนผ้าที่ถักทอขึ้นจากเส้นใย เมื่อผ้าตากแดดจัดเป็นเวลานานหรือรีดโดยเตารีดที่ร้อนจัดไปบ่อยครั้งเข้า ผ้าก็จะซีด กรอบ และง่ายต่อการฉีกขาด เส้นผมของคุณก็จะมีสภาพไม่ต่างจากนี้หากว่าโดนจ่อทำร้ายด้วยความร้อนเป็นประจำ

วิธีป้องกันคือลดระดับความร้อนของไดร์เป่าผม ใช้เซรั่มปกป้องผมจากความร้อนก่อนเป่าจัดทรง รวมทั้งไม่เป่าไดร์จ่ออยู่กับผมกระจุกเดียว แต่ให้หวีและเคลื่อนมือไปมาตลอดเวลา หากไม่อยากให้ผมเสียก็ทำตามให้ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นหากผมเสียแห้งกรอบขึ้นมาแล้ววิธีไหนก็คงกู้ได้ยากแล้วล่ะ
 
4. ผมเสียจากการต่อผม

หลาย ๆ คนที่เคยต่อผมน่าจะประสบปัญหาเจ็บรั้งหนังศีรษะกันมาบ้าง โดยเฉพาะในกรณีที่ผมที่ต่อนั้นยาวเกินไป ซึ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับผมจริง ๆ ที่ถูกยึดให้เป็นฐาน ตามมาด้วยอาการผมร่วง หรืออย่างน้อยก็รากผมอ่อนแอลงกว่าเดิม ทำให้ผมบางลงแม้จะแกะผมที่ต่อไว้ออกไปแล้วก็ตาม

ส่วนใครที่ต่อผมอยู่และคิดว่ายังสามารถดูแลมันได้ดี ก็ควรต้องสระและบำรุงผมไม่ต่างจากการบำรุงผมจริง ๆ ทั้งยังต้องเลี่ยงทุกการกระทำที่จะดึงหรือรั้งผมมากกว่าเดิม นอกจากนี้ใครที่คิดว่าจะไปต่อผม ก็ควรสำรวจสภาพเส้นผมของตัวเองก่อนด้วยนะคะ ไม่ควรต่อผมหากว่าผมจริงของคุณแห้งเสียหรือถูกกัดทำสีจนมีแนวโน้มว่าจะเสียได้ง่ายอยู่แล้ว เพราะผมที่ต่อไปใหม่จะดึงผมจริงให้หนักเกินไป เร่งให้ผมขาดและแตกปลายได้เร็วกว่าเดิม
 
5. ผมเสียจากการดูแลแบบผิด ๆ ของเจ้าตัว

แค่หวีหรือเช็ดผมหลังสระ คุณก็สามารถทำร้ายผมได้อย่างไม่รู้ตัว หากว่าทำมันด้วยวิธีผิด ๆ เช่น ขยี้ผมแรง ใช้หวีแปรงกับผมที่ยังเปียก หวีผมจากโคนลงมาสุดปลายเพราะนึกว่าจะทำให้ผมเรียบตรงตลอดเส้น ฯลฯ

หลังสระผมการเช็ดผมที่ถูกต้อง คือการใช้ผ้าขนหนูบีบและซับน้ำออกให้มากที่สุด ไม่ควรขยี้เพราะจะทำให้ผมพันกันได้ง่าย โดยเฉพาะผมที่ยังเปียกเป็นช่วงที่ผมอ่อนแอมาก อาจทำให้เส้นผมฉีกขาดได้ หากผมยุ่งให้หวีจากปลายเพื่อคลายผม ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาถึงโคนผม ใช้เฉพาะหวีซี่ห่างหวีผมขณะเปียก เพื่อให้เส้นผมเรียงตัวโดยไม่เสียดสีทำร้ายผมมากเกินไป และหากต้องการจัดทรงอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากผมแห้งประมาณ 70-80% แล้ว ให้ถูผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมลงบนมือ แล้วจึงลูบไล้ให้ทั่วเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย ไม่ใช่จากช่วงกลางความยาวของเส้นผมลงมาอย่างที่เห็นนางแบบทำในโฆษณานะคะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เผลอทำเพราะเคยชินโดยไม่ได้ระมัดระวังเช่นนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่คิดว่าดูแลเส้นผมดีแล้ว ยังมีผมสวยได้ไม่เต็มร้อยเสียทีนั่นเอง

สิ่งที่ไม่ควรทำกับผม
 
- อย่าเทแชมพูในปริมาณที่มากเกินไป เพราะนอกจากจะเปลืองแล้ว ยังทำให้ล้างออกยาก และถ้าตกค้าง ก็อาจกัดหนังศีรษะจนแพ้หรือเป็นรังแคได้
- อย่าเทแชมพูลงบนผมโดยตรง หรือเทลงบนผมแห้ง เพราะเนื้อแชมพูข้นๆ อาจเกาะผมและหนังศรีษะ ทำให้ล้างออกยาก และมีเนื้อชมพูตกค้าง
- อย่าใช้เล็บขูดหรือเก่าหนังศีรษะอย่างมันสะใจจนเกินไป เพราะจะขูดหนังศรีษะจนเป็นแผล และเป็นการกระตุ้นรังแคด้วย
- อย่าทิ้งแชมพูหรือครีมนวดผมไว้นานเกิน 5 นาที โดยไม่ล้างออก เพราะผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตมาสำหรับการหมักผม ถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจจะทำร้ายหนังศีรษะจนแพ้ ทำให้ผมร่วงหรือเป็นรังแคได้
- อย่าขยี้ผมเวลาเช็ด เพราะการขยี้จะทำให้ผมหลุดร่วงและพันกันได้ง่าย แถมยังทำให้ผมยุ่งไม่เป็นทรงเมื่อแห้งด้วย ทางที่ดีควรลูบจากบนลงล่าง ในทิศทางเดียวกันกับเส้นผม
- อย่าจ่อไดร์เป่าผมใกล้หนังศีรษะเกินไป และอย่าจ่อที่จุดเดียวนานๆ หรือใช้ปากกระบอกดรายร์สัมผัสกับผมโดยตรง เพราะความร้อนจะทำลายผมให้แห้งกร้านและเสียได้ในที่สุด
 
 
การดูแลเส้นผม

         สำหรับสาวผมแห้ง เส้นเล็กลีบแบน ติดหนังศีรษะ เมื่อได้เห็นเส้นผมเงางาม นุ่มสลวยๆ พลิ้วไหวตามสายลมของสาวผมสวยทั้งหลายแล้ว คงจะหันมามองเส้นผมตัวเองแล้วรู้สึกแอบอิจฉาเล็กๆ อยู่ในใจ พร้อมกับทุ่มเงินซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผมมากมาย รวมถึงเข้าใช้บริการดูแลบำรุงผมของซาลอนชั้นนำ เพื่อทำให้ผมแห้งเสียของคุณ ชุ่มชื่นสุขภาพดีขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณสามารถช่วยฟื้นผมแห้งเสียให้กลับมาสุขภาพดีได้ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้านของคุณเอง 

           เริ่มจากวิธีแรก คือการดูแลผมและรักษาผมของคุณในชีวิตประจำวันอย่างถูกสุขลักษณะ โดยคำนึงถึงหลักดูแลผมตามธรรมชาติ 6 ข้อนี้
       

       1.เวลาสระผมให้นวดหนังศีรษะไปด้วย โดยการใช้มือขยุ้มเบาๆ ที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยให้เกิดการหมุนเวียนโลหิตทั่วบริเวณหนังศีรษะแถมยังทำให้น้ำมันตามธรรมชาติไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
       

       2.หลังการสระผม ควรใช้ผมให้แห้งก่อนหวี เพราะการหวีขณะที่ผมเปียกจะทำให้เส้นผมขาดง่าย หากจำเป็นควรใช้หวีไม้ซี่ห่างเพื่อลดการขาดและหลุดร่วงของเส้นผม
       

       3.ส่วนผู้ที่นิยมไดร์ผมให้แห้ง ควรใช้ไดร์เป่าผมเป่าในลักษณะบนลงล่าง จากโคนผมไปสู่ปลายผม เพราะจะช่วยให้เกล็ดผมจะเรียงตัวตามธรรมชาติ ทำให้เส้นผมนุ่มสลวย แลดูเงางามและไม่ชี้ฟู
       

       4.การใช้ไดร์เป่าผมด้วยโรลไฟฟ้าและรีดผมให้ผมเรียบตรงด้วยเครื่องรีดไฟฟ้าควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วยเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาผมแห้งเสีย เพราะความร้อนสูงของเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้เส้นผมถูกทำลายอย่างมาก
       

       5.หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการขัดสีต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ที่จะเข้าไปทำลายความแข็งแรงของเส้นผมได้
       

       6.หากมีกิจกรรมกลางแจ้ง เส้นผมต้องเผชิญกับแสงแดดแรงกล้า ควรป้องกันเส้นผมจากแสงแดดและรังสียูวีโดยการสวมหมวกหรือชะโลมด้วยผลิตภัณฑ์ปรับสภาพเส้นผมก่อนออกแดดเสมอ


สาวผมมั นำว่านหางจระเข้มาฝานเปลือกออก แล้วนำเนื้อเจลไปปั่น จากนั้นตักมา 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และแชมพูที่ใช้อยู่อีก 1 ถ้วยตวง แล้วนำไปสระผมตามปกติ จะช่วยให้เส้นผมมีสมดุล ไม่แห้งและมัน 

สาวผมแห้ง นำอโวคาโด 1 ผล ปอกเปลือกและบดให้ละเอียด ผสมกับกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้หมักผมหลังจากสระผมเรียบร้อยแล้ว โดยนวดให้ทั่วศีรษะ ใช้หวีซี่ห่างๆ แปรงผมให้เป็นระเบียบ ทิ้งไว้ 15 นาทีจึงล้างออก 

สาวผมไม่มีน้ำหนัก ควรใช้น้ำส้มสายชูเศษหนึ่งส่วนสองถ้วยตวง ผสมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวงและน้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มานวดเส้นผมและหนังศีรษะขณะเปียกให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วจึงล้างออก 

ส่วนสาวที่มีปัญหารังแค หลังจากสระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคตามปกติแล้ว นำชาโรสแมรี่ที่ทิ้งไว้จนเย็นมาล้างผมในน้ำสุดท้าย หรือใช้ชาโรสแมรี่ผสมกับแชมพูในอัตราส่วน 70 ต่อ 30 หรือใช้แชมพูซึ่งมีส่วนผสมจากน้ำมันมานูก้า ทีทรี ไรม์ การสระผมทุกครั้งต้องแน่ใจว่าได้ล้างแชมพูออกจนหมด เพราะสารตกค้างจะเร่งให้หนังศีรษะผลิตน้ำมากและทำให้รากผมมัน